นักทำหนังในโฟกัส
บรรจง โกศัลวัฒน์
สายตาแห่งรัก
15 กุมภาพันธ์ 2563
ที่ ซิเนม่าโอเอซิส
“วิถีภาพยนตร์ส่วนตัวของอาจารย์บรรจง เปี่ยมด้วยเมตตาต่อโศกนาฎกรรมที่เขาถ่ายทำ ร่วมฉลองความทุ่มเทยึดมั่นที่เขามีต่อภาพยนตร์ ทั้งในฐานะผู้ส่งทอดวิชาความรู้ และในฐานะนักปฏิบัติฟิล์มผู้หลงใหลการเล่าเรื่อง อีกทั้งการต่อสู้การเซ็นเซอร์ภาพยนตร์” (ดร.อลิโอชา เอเรรา)
(ภาพยนตร์ทุกเรื่องเป็นภาษาไทย ; ขออภัยไม่มีบรรยายอังกฤษ)
(ร่วมฟังเสวนาฟรี)
นักทำหนังในโฟกัส
บรรจง โกศัลวัฒน์
โดย ดร.อลิโอชา เอเรร่า
ในห้องออฟฟิศส่วนตัวของบรรจง โกศัลวัฒน์ ที่มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิตที่อาจารย์สอนภาพยนตร์และสื่อดิจิตอลมากว่าสิบปี ท่ามกลางโปสเตอร์หลากสีของภาพยนตร์เรื่องต่างๆ ของเขา มีภาพถ่ายขาวดำแขวนอยู่เด่นเป็นสง่า เป็นภาพตัวเขาขณะที่กำกับภาพยนตร์เรื่องแรกช่วงประมาณปี 2528 : อาจารย์ยืนยกแขนอยู่บนดอลลี่ สีหน้าเต็มไปด้วยสมาธิ รอบล้อมด้วยทีมงาน ทั้งหมดล้วนบ่งบอกถึงการทุ่มเทยึดมั่นที่เขามีต่อ ‘ศิลปะแขนงที่เจ็ด’ ทั้งในฐานะอาจารย์ส่งทอดวิชา และในฐานะนักปฏิบัติฟิล์มผู้หลงใหลการเล่าเรื่อง
เกิดในปี 2486 ในครอบครัวหัวศิลปะ บรรจง โกศัลวัฒน์ เดินตามรอยเท้าบิดา อ.คิด โกศัลวัฒน์ ผู้เป็นศิลปินมีชื่อเสียง สู่เส้นทางวิจิตรศิลป์ในฐานะศิลปินภาพเขียน โดยผ่านทั้งวิทยาลัยเพาะช่างและมหาวิทยาลัยศิลปากร ภาพเขียนเหมือนจริงของเขาเคยแสดงทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศหลายครั้ง รวมทั้งในนิทรรศการคู่กับถวัลย์ ดรรชนี, กมล ทัศนานชลี, และจักรพันธ์ โปษยกฤต จากนั้นมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ ได้ให้ทุนไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา
แต่เมื่อไปถึงอเมริกาเหนือ ชายหนุ่มมากฝีมือที่กำลังกระตือรือร้นกับประสบการณ์แปลกใหม่ กลับพบว่าเขาเริ่มเข้าไปคลุกคลีอยู่ในชุมชนสร้างหนังใต้ดิน ซึ่งกำลังคึกคักอยู่ในขณะนั้น เขาเริ่มหลงไหลภาพเคลื่อนไหว หลังจากไปฝึกการทำภาพยนตร์ล้ำยุค-อว็องการ์ด และหนังทดลองที่มิเล็นเนียมฟิล์มเวิร์คช็อพในนิวยอร์ค ช่วงปลายยุค คศ.1960 เขาตัดสินใจเรียนการถ่ายทำภาพยนตร์ที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ค โดยใช้กล้องโบเล็กซ์ 16 มม. สร้างหนังสั้นเรื่องแรกๆ ของเขา ภายใต้ชื่อเรื่องชวนเป็นปริศนา เช่น ‘Eye’, ‘Gamma’, ‘Vortex’ และ ‘The Crossing’ ซึ่งได้รางวัลจากหลายเทศกาลภาพยนตร์
พอกลับมากรุงเทพ เขาได้รับเชิญให้ไปสอนวิชาภาพยนตร์ที่คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ซึ่งทำให้เขาเป็นอาจารย์คนแรกที่สอนวิชานี้ในประเทศไทย และเป็นผู้มีส่วนอย่างมากในการก่อตั้งให้ภาพยนตร์เป็นสาขาวิชาอย่างเต็มภาคภูมิในการศึกษาขั้นสูงของไทย เขากลับอเมริกาไปต่อปริญญาโทวิจิตรศิลป์ที่ ม.เท็มเพิลที่ฟิลาเดลเฟีย และเริ่มลองถ่ายทำสไตล์สารคดีในหนังสั้นชุดท้ายๆ ของเขา จาก ‘Pacer’ (2519) ซึ่งแสดงภาพอุตสาหกรรมแข่งม้าออกมาอย่างน่าขนลุก ถึง ‘Navajo’ (2521) ที่เขาทำให้เป็นอนุสรณ์แด่ชาวพื้นเมืองเผ่านาวาโฮ ซึ่งเขาไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยในพื้นที่สงวนชาวนาวาโฮถึงหกเดือน
วิถีภาพยนตร์ส่วนตัวของเขา – ซึ่งมีลักษณะชอบใช้เทคยาว และสายตาที่เต็มไปด้วยเมตตาต่อตัวละครและเนื้อเรื่องโศกนาฎกรรมที่กล้องของเขาบันทึก – นั้น พัฒนาเรื่อยมาในชีวิตการงานที่ผลิตภาพยนตร์เรื่องยาวเจ็ดเรื่อง นอกจากนี้ เขายังเป็นที่รู้จักในฐานะผู้กำกับไทยเพียงหยิบมือเดียวในช่วงนั้น รวมทั้ง มจ.ชาตรีเฉลิม ยุคล หรือ ‘ท่านมุ้ย’ ที่ถ่ายทำภาพยนตร์โดยบันทึกเสียงจริง (ขณะที่ภาพยนตร์ไทยส่วนใหญ่เป็นหนังพากย์) การถ่ายทำพร้อมบันทึกเสียงได้กลายเป็นเรื่องหายากยิ่งยวด ตั้งแต่การจากไปของบริษัทศรีกรุงซาวนด์ฟิล์ม มีเพียงนักสุนทรียศาสตร์ที่ยึดมั่นในศิลปธรรมและความงดงามไม่กี่คนเท่านั้นที่ใช้เสียงจริง เช่น ผู้กำกับ รัตน์ เปสตันยี กับช่างเสียงผู้ซื่อสัตย์ของเขา ปง อัศวินิกุล ขณะเดียวกัน เป็นเวลาเกือบสี่สิบปีที่อาจารย์บรรจงไม่เคยหยุดสอนภาพยนตร์ โดยนักทำหนังรุ่นเด็กกว่าที่ตามมาหลายคนเป็นลูกศิษย์อาจารย์
‘นักทำหนังในโฟกัส’ ครั้งนี้ไฮไลท์ภาพยนตร์โดดเด่นสองเรื่องของ อ.บรรจง ที่มีบ่อเกิดเป็นคดีฆาตกรรมอื้อฉาวในโลกแห่งความเป็นจริง และสะท้อนสังคม อาชญากรรม และการลงโทษได้อย่างเข้มข้นแจ่มชัด คือ ‘นวลฉวี’ (2528) และ ‘นายซีอุย แซ่อึ้ง’ (2534)